เกษตรประยุกต์ กับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ที่กำลังเป็นกระแสนิยมในบ้านเรา

ด้วยวิวัฒนาการโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้แต่วงการเกษตรกรรมในบ้านเรายังได้มีการพัฒนาไปไกล จากพืชผักที่เราเคยปลูกได้แค่บนพื้นดิน อาศัยกระบวนการทางธรรมชาติจากดิน น้ำ และแสงแดด เพื่อให้พืชเจริญเติบโตออกดอกออกผล ปัจจุบันได้มีการคิดค้นเกษตรแนวประยุกต์ ที่สามารถปลูกพืชผักได้โดยไม่ต้องใช้ดิน ที่มีชื่อทางการเกษตรว่า ไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งพันธุ์ผักที่ใช้ปลูกส่วนมากจะเป็นผักเมืองหนาวตระกูลผักกาดหอม หรือผักสลัดต่าง ๆ เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเกษตรกรรมแนวใหม่นี้ ว่ามันเป็นอย่างไร มีข้อดีและข้อควรระวังอะไร

การปลูกพืชผักไฮโดรโปนิกส์

 เป็นการปลูกพืชผักในน้ำหรือวัสดุปลูกทดแทนรูปแบบอื่น ๆ ที่ใช้สารสกัดทางเคมีที่เลียนแบบแร่ธาตุต่าง ๆ ตามธรรมชาติที่พืชต้องการ มาเป็นอาหารของพืชในการเจริญเติบโตแทนกระบวนการทางธรรมชาติ โดยการละลายน้ำฉีดพ่น หรือปลูกพืชผักลงในภาชนะที่มีน้ำผสมสารละลายอาหารพืชนี้ โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงเหมือนกับการปลูกพืชผักลงดินแบบเดิม ๆ

ข้อดีของการปลูกพืชผักแบบไฮโดรโปนิกส์

 ข้อดีของมันคือ ขั้นตอนการปลูกนั้นไม่ยุ่งยาก ง่ายและสะดวก ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่บริเวณกว้างเหมือนการปลูกพืชผักลงดิน สามารถปลูกในบ้าน และในบริเวณที่มีพื้นที่แคบหรือจำกัดได้

ข้อควรระวังในการปลูกพืชผักแบบไฮโดรโปนิกส์

เนื่องจากสารอาหารพืชที่ถูกสกัดขึ้นมามีส่วนผสมของไนเตรต ซึ่งเป็นองค์ประกอบของไนโตรเจนสูง โดยพืชจะดูดซึมสารดังกล่าวนี้ได้ตลอดเวลา เนื่องจากแช่อยู่ในน้ำที่มีสารดังกล่าว โดยนำสารไนเตรตนี้ไปหล่อเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ และสะสมไว้ในใบและลำต้น ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับผู้ที่บริโภคเข้าไป เนื่องจากไนเตรตจะถูกย่อยให้กลายเป็นไนไตรท์ เมื่อรวมกับสารอาหารอื่น ๆ ที่เราบริโภคเข้าไปด้วย จะกลายเป็นสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องมีการควบคุมให้พืชรับสารละลายธาตุอาหารนี้เข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน ไม่เช่นนั้นไนเตรตจะเข้าไปสะสมในพืชผักจนเกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ซึ่งเกษตรกรจะทำการลดไนเตรต โดยงดเว้นการให้อาหารพืชจากสารละลายธาตุอาหารพืชที่มีไนเตรตนี้ 1-2 วันก่อนการเก็บเกี่ยวพืชผักไปขายสู่บริโภค

สรุปก็คือการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์นี้เป็นนวัตกรรมที่ก้าวล้ำทางการเกษตร ที่มีความสะดวกง่ายดายและมีผลตอบแทนที่ดี ที่สำคัญปลอดจากสารพิษจากยาฆ่าแมลง แต่ต้องมีการควบคุมสารไนเตรตจากสารละลายอาหารพืช ไม่ให้พืชรับเข้าไปมากจนสะสมในใบและลำต้น ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของเกษตรกรแล้ว

 ดังนั้นเราในฐานะผู้บริโภค ก็ควรเลือกซื้อผักไฮโดรโปนิกส์จากแหล่งปลูกหรือจำหน่ายที่เชื่อถือได้ และมีมาตรฐานที่ดี เพราะผักไฮโดรโปนิกส์ตระกูลผักสลัด ล้วนเป็นผักที่มีประโยชน์อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย


เทคโนโลยีอันล้ำสมัยทางด้านความงาม เนรมิตคนธรรมดา ให้สวยหล่อขึ้นได้จริงหรือ

เราจะเห็นว่า ในยุคปัจจุบันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพ รูปร่างหน้าตากันทั้งนั้น ยิ่งวิวัฒนาการทางด้านความงาม ที่ได้นำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ เกี่ยวกับการเสริมแต่งอย่างครบวงจร จึงทำให้คนที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ๆ ดูสวยดูหล่อขึ้นมาอย่างกับคนละคน ซึ่งแน่นอนค่าใช้จ่ายอาจจะสูง แต่สำหรับใครที่คิดว่ามันคือการลงทุนให้ตัวเองก็คงจะคุ้มค่า เพราะสิ่งที่พวกเค้าได้มามันคือความสุข ความมั่นใจ ที่จะดำเนินชีวิต ทั้งเอื้อประโยชน์ต่อหน้าที่การงาน เวลาพบปะผู้คนหรือลูกค้า บุคลิกภาพและรูปร่างหน้าตาที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ยิ่งยุคสมัยที่คนยึดติดในรูป การมีรูปร่างหน้าตาที่ดีจึงช่วยดึงดูดผู้คน ทำให้มีทั้งงาน เงิน ตามเข้ามามากมาย ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักเทคโนโลยีด้านความงามที่กำลังมาแรงในยุค 2019 นี้ เผื่อใครต้องการปรับปรุงรูปร่างหน้าตาให้ดีขึ้นก็สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ได้ มีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

เทคโนโลยียอดฮิตด้านความงามในยุค 2019

1.Hifu Lift เป็นเทคโนโลยีการนำคลื่น Ultrasound มาใช้ในการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย และยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เพราะมันทำหน้าที่ไปกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินได้ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความหย่อนยานของใบหน้า เป็นนวัตกรรมที่ให้ผลเทียบเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้า แต่ข้อดีกว่าคือไม่เจ็บ ไม่ต้องพักรักษาแผลจากการผ่าตัดค่าใช้จ่ายถูกกว่า ประหยัดเวลา และคลื่น Ultrasound ที่นำมาใช้ก็มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญมันเห็นผลทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่ได้รูป ไม่กระชับ และมีริ้วรอย เพราะเทคโนโลยี Hifu Lift นี้จะไปช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้รูป ลดแก้ม ลดเหนียง ลดริ้วรอย อย่างได้ผลชัดเจน

2.การฉีดวิตามินผิว เป็นเทคโนโลยีการนำวิตามินที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ได้ผลิตขึ้นมาโดยทีมแพทย์เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ มีคุณสมบัติในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิว ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวล และไม่ไวต่อแดด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวคล้ำเสีย ต้องการดูแลเป็นพิเศษ หรือผู้ที่ต้องการมีผิวขาวใสอมชมพู

เทคโนโลยี Lipomassage คลินิกเสริมความงามที่ชื่อเสียงบางแห่ง ได้นำเครื่องมือตัวนี้เข้ามาจากต่างประเทศ ใช้กลไกการทำงานด้วยพลังงานธรรมชาติ เร่งการเผาผลาญไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะ ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายดี กระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนที่ลึกระดับโครงสร้างผิว ทำให้เผยผิวใหม่ที่เนียนกระชับ เฟิร์มขึ้น ข้อดีคือไม่เจ็บ ไม่ต้องนอนพักฟื้น และค่าใช้จ่ายถูกกว่าการดูดไขมันมาก

และนี่ก็คือคำตอบว่า เทคโนโลยีที่ทันสมัยเปลี่ยนคนธรรมดา ๆ ให้สวยหล่อขึ้นได้จริง ใครมีปัญหาความงามด้านไหน ต้องการมีรูปร่างหน้าตาให้ดีขึ้นอย่างไร ก็ลองศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วน และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง เพื่อจะได้ตอบโจทย์ความงามได้ตรงจุดกับที่คุณต้องการ


ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพ กับ อาหารแนวธรรมชาติบำบัด ช่วยให้ห่างไกลโรคร้าย

วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปมาก อาหารการกินที่เรารับประทานเข้าไปก็ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสารเร่งเนื้อแดงในหมู สารเร่งการเจริญเติบโตในไก่ สารฟอร์มาลีนในอาหารทะเล ดังนั้นจะทำอย่างไรที่จะทำให้สารพิษเข้าสู่ร่างกายได้น้อยที่สุด และขณะเดียวกันจะทำอย่างไรถึงจะล้างสารพิษดังกล่าวออกจากร่างกายได้ ไม่ตกค้างในลำไส้ อาหารแนวธรรมชาติบำบัดจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญสำหรับผู้คนที่รักสุขภาพ หรือผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายและดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ อาหารแนวธรรมชาติบำบัดว่ามันคืออะไร และส่งผลดีต่อร่างกายอย่างไร ผู้คนถึงให้ความสนใจกันมากในปัจจุบัน

มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อในวิถีมังสวิรัติ ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช เพราะลักษณะทางกายภาพของมนุษย์นั้นแตกต่างกับสัตว์กินเนื้อ โดยสิ้นเชิง สัตว์กินเนื้อมีระบบการย่อยอาหารที่สั้นเพียง 3 เท่าของลำตัว ทำให้เนื้อสดที่กินเข้าไปถูกย่อยสลายได้ง่ายและขับถ่ายออกมาได้เร็วก่อนที่จะมีการบูดเน่าอยู่ในลำไส้ของมัน ต่างจากมนุษย์ที่มีความยาวของลำไส้ประมาณ 12 เท่าของลำตัว ทำให้อาหารที่กินเข้าไปอยู่ในลำไส้ได้นานกว่าสัตว์ ดังนั้นหากมนุษย์กินผักผลไม้ร่างกายก็จะเป็นปกติ เพราะมันย่อยและถูกขับถ่ายออกจากร่างกายได้ง่าย แต่การกินเนื้อสัตว์จะทำให้ย่อยยาก และเกิดการเน่าเสียอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน กว่าจะได้ขับถ่ายออกมา นี่จึงเป็นสาเหตุแห่งการเกิดโรคภัยต่าง ๆ ในมนุษย์

อาหารแนวธรรมชาติบำบัดคือ

อาหารที่ถูกปรับให้ใกล้เคียงกับกายภาพของมนุษย์ โดยการนำอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยเน้นผักผลไม้ในสัดส่วนที่มากกว่าอาหารจำพวกแป้ง เนื้อสัตว์ และไขมัน เว้นการปรุงอาหารด้วยน้ำมันพืชที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม แต่อาจใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ในการปรุงอาหารได้ เปลี่ยนจากอาหารจำพวกแป้งเดิม ๆ อย่างข้าวขาว ขนมปังขาว มาทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท มันเทศ ข้าวโพด ธัญพืชต่าง ๆ ทานเนื้อสัตว์ในปริมาณที่น้อยลงมาประมาณ 1 ฝ่ามือต่อวัน และควรเลือกทานเนื้อสัตว์จำพวกปลา อกไก่ เนื้อหมูไม่ติดมัน ควรปรุงอาหารให้มีรสชาติอ่อนที่สุด และงดอาหาร เครื่องดื่มที่ทำลายสุขภาพ อย่างน้ำอัดลม เหล้า เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เหล่านี้เป็นต้น

ประโยชน์ที่ได้รับจากการทานอาหารแนวธรรมชาติบำบัด

1.สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้น

2.มีภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดี ช่วยต้านโรคภัยได้

3.หน้าตาผิวพรรณสดใส

4.อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน

5.ห่างไกลโรคร้าย อย่างโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดิน และลำไส้

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่คนรักสุขภาพทั้งหลายให้ความสนใจ และหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองด้วยอาหารแนวธรรมชาติบำบัด เพราะเมื่อเราทานเนื้อสัตว์น้อยลง สารพิษในร่างกายก็ลดลงตาม และสำหรับใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลโรคร้ายต่าง ๆ ก็ลองปรับเปลี่ยนอาหารการกินตามแนวทางนี้กันดูนะ


รู้ทันวิกฤตการเงิน คนส่วนใหญ่กำลังใช้เงินอนาคต จะรับมือป้องกันอย่างไร

เมื่อพูดถึงเงินอนาคต หลายคนคงอาจสงสัยว่ามันคืออะไร เงินอนาคตก็คือ เงินที่เราไม่ได้มีมันอยู่จริง มันไม่ใช่เงินของเรา แต่เป็นเงินที่คนอื่นให้หยิบยืมหรือเสนอมาให้เราใช้ก่อน โดยที่เราก็เข้าข้างตัวเองหรือเข้าใจผิดไปว่ามันคือเงินของเรา เช่น ทางสถาบันการเงินเสนอบัตรเครดิตที่มีวงเงินสูง ๆ มาให้เราใช้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเงินที่เราใช้ไปจากบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นการกดเงินสด รูดซื้อสินค้า ถึงกำหนดเราก็ต้องใช้คืนเค้า และเสียดอกเบี้ยทั้งนั้น หรือเงินที่ได้มาจากเครดิตผู้ค้า ซึ่งเราเอาสินค้ามาขายได้ผลกำไรแล้ว แต่ยังไม่ได้ชำระคืนเงินทุนกลับไป เหล่านี้เป็นต้น จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเงินที่อยู่กับเราเป็นเงินของเราทั้งหมด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราควรจะใช้เงินที่เป็นผลกำไรหรือรายได้ที่เราหามาได้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเลยเถิดไปใช้เงินในอนาคต นั่นหมายถึงว่าสภาวะทางการเงินของเรากำลังแย่ และเข้าสู่วิกฤติแล้ว เราจึงควรมีแนวทางป้องกันระวัง ไม่ให้สภาวะทางการเงินนั้นเกิดปัญหา จนยากที่จะแก้ไข ซึ่งในวันนี้เรามีวิธีการที่จะป้องกันและรับมือไม่ให้การเงินของคุณต้องเผชิญกับปัญหาจนถึงขั้นวิกฤต มีอะไรบ้างไปดูกัน

ป้องกันและรับมือกับวิกฤตการเงิน

1.วางแผนการใช้จ่าย

โดยดูรายได้ของตนเอง และความสามารถในการใช้จ่ายที่จะทำได้ เช่นมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท หักค่าผ่อนบ้าน 10,000 บาท ผ่อนรถ 8,000 บาท น้ำไฟ 1,000 บาท เหลือ 11,000 บาท ก็อาจเก็บไว้เป็น เงินออม 1,000 บาท เงินฉุกเฉิน 1,000 บาท เหลือ 9,000 บาท ก็เป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน

2.มีวินัยทางการเงิน

หลังจากที่เรารู้ชัดแล้วว่าจะต้องจัดสรรค์การเงินอย่างไร และมีงบใช้จ่ายได้เท่าไหร่ในแต่ละเดือน เราจะต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด ใช้จ่ายแบบพอเพียง ไม่ว่าสิ่งนี้มันยั่วยุให้เราอยากได้แค่ไหน เราจะต้องอดทนไม่ใช้จ่ายจนเกินตัว

3.หยุดใช้เงินอนาคต

ไม่ว่าสถาบันการเงินจะให้วงเงินบัตรคุณมากเท่าไหร่ก็ตาม หรือคุณจะได้เครดิตจากการทำการค้าร่วมกับบริษัทต่าง ๆ แต่สิ่งที่คุณจะต้องตระหนักที่สุด คือมันไม่ใช่เงินหรือรายได้ของคุณ คุณจะต้องหยุดใช้เงินเหล่านี้ แล้วใช้แต่เงินรายได้ที่คุณได้จัดสรรค์และวางแผนเอาไว้แล้วเท่านั้น คุณจะได้ไม่ต้องมาติดลบการเงินทีหลัง

4.ต่อยอดธุรกิจ หรือหารายได้เพิ่ม

การต่อยอดธุรกิจจะสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณเพิ่มขึ้น เพื่อยกคุณภาพชีวิตและสถานภาพทางการเงินของคุณให้ดีขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องใช้เงินอนาคต หรือห่างไกลการกู้หนี้ยืมสินได้นั่นเอง

และทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางการป้องกันและรับมือกับวิกฤตการเงินไม่ให้เกิดขึ้น และช่วยให้ห่างไกลจากการใช้เงินอนาคต ใครที่ไม่อยากให้การเงินของคุณมีปัญหาก็ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ดู คุณจะได้ปลอดภัยจากการเป็นหนี้ ที่เอาเงินอนาคตมาใช้นั่นเอง


อินเตอร์เน็ต หนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญทั่วโลกและสังคมไทย มากที่สุดในยุคปัจจุบัน

เมื่อพูดถึง อินเตอร์เน็ต หลาย ๆ คนก็คงคุ้นเคยกันดี เพราะในยุคปัจจุบันนี้ พูดได้เลยว่าน้อยคนนัก ที่จะไม่ใช้อินเตอร์เน็ต ในการทำธุรกิจ การเรียนการสอน การติดต่อสื่อสาร การเงิน การบันเทิง การค้นหาข้อมูล การช้อปปิ้งซื้อของ เอาง่าย ๆ ว่า มันกลายเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเราทุกคนไปแล้ว แค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียว ก็เหมือนมีเครื่องมือที่จะเนรมิตทุกอย่างได้ดังใจต้องการ เมื่อกล่าวมาถึงขนาดนี้หลายคนก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีของ อินเตอร์เน็ตอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เมืองไทย แต่ทั่วโลกเลยทีเดียว ที่ล้วนจำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ต กันทั้งนั้น ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จัก ความหมายที่แท้จริง และบทบาทสำคัญของอินเตอร์เน็ต ที่มีต่อโลกและต่อประเทศไทยกัน

อินเตอร์เน็ต กับความหมายของมัน

อินเตอร์เน็ต มันคือ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุด ที่เชื่อมโยงทุกเครือข่ายทั่วโลกเอาไว้ด้วยกัน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ในการติดต่อสื่อสาร ทำธุรกิจร่วมกัน รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน การค้นหาแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยใช้ Protocol เป็นภาษาของการสื่อสารกันในระบบคอมพิวเตอร์

บทบาทสำคัญของ อินเตอร์เน็ต ต่อโลก และประเทศไทย

จะเห็นได้ว่าในหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทั้งของรัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษา วงการบันเทิง บริษัท ห้างร้าน ทั่วโลก ได้นำอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ในการทำงานกันทั้งนั้น ซึ่งบทบาทที่เราเห็นกันได้อย่างเด่นชัดมีดังนี้

1.สถาบันการศึกษา อินเตอร์เน็ตได้ถูกนำมาใช้ในการเรียนการสอนทุกระดับ ในการค้นคว้าหาข้อมูลที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถาบัน การเรียนผ่านระบบออนไลน์ ที่ช่วยลดเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และประหยัดเวลาในการเดินทาง

2.วงการบันเทิง จากระบบเดิม ๆ ที่วงการบันเทิงมีเพียง ทีวี วิทยุ การจัดคอนเสิร์ต ปัจจุบันได้นำ อินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ ที่สามารถทำให้มีผู้ชมได้ทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะแค่ประเทศไทย

3.การทำธุรกิจ ปัจจุบัน ผู้ประกอบการ สามารถสร้างฐานลูกค้าได้กว้างไกลไปทั่วโลก จะเห็นว่าคนทั่วโลกส่วนใหญ่นิยมการ ช้อปปิ้งทางออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก สร้างชื่อเสียงและรายได้ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศไทยเหมือนเก่าก่อนแล้ว

4.วงการแพทย์ แม้แต่วงการแพทย์ ก็ยังนำเอาเทคโนโลยี ด้านอินเตอร์เน็ตมาใช้ในการค้นคว้าทดลอง พัฒนาสูตรยา แลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ระหว่างประเทศ ทำให้วงการแพทย์นั้นเจริญและมีประสิทธิภาพต่อการรักษาคนไข้ ที่ดีมากยิ่งขึ้น

5.การติดต่อสื่อสาร ปัจจุบันมีการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลได้ทั่วโลก ด้วยอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือรูปภาพ แม้แต่เสียงสนทนา ที่รวดเร็วและสะดวกขึ้นมากด้วยช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อีเมล์ เฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตราแกรม วีดีโอคอล ทวิสเตอร์ เป็นต้น

6.การเดินทางและการขนส่งที่สะดวกรวดเร็ว ในยุคปัจจุบันการนำอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ ทำให้เราได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง สามารถเช็คและจองเที่ยวบิน เที่ยวรถ  รวมถึงการส่งของที่สามารถติดต่อให้แมสเซนเจอร์มารับของไปส่งให้ลูกค้าถึงที่ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอเป็นหลาย ๆ วัน

และทั้งหมดนี้คือบทบาทสำคัญของ อินเตอร์เน็ต ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อคนทั้งโลก เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยสุด ๆ ต่อคนไทยและคนทั้งโลก ในขณะเดียวกัน มันก็มีทั้งคุณทั้งโทษในตัวมัน เราจึงควรนำมาใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิต ถ้านำมาใช้ในทางที่ผิด ก็จะส่งผลเสียต่อตนเองและประเทศชาติอย่างแน่นอน


คุณอาจยังไม่รู้ เคล็ดลับในการทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตบนโลกออนไลน์ สร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด

ยุคนี้หากใครไม่ทำธุรกิจออนไลน์ ก็พูดได้เลยว่าคุณกำลังตกเทรนด์ และพลาดโอกาสดี ๆ ในการสร้างรายได้ที่อาจมากเกินพอหรือแบบไร้ขีดจำกัดเลยก็เป็นได้ เพราะในยุคปัจจุบัน ประชากรเกือบทั้งโลกก็ล้วนเล่นโซเชียลกันทั้งนั้น ดังนั้นการสร้างฐานลูกค้าทางโลกโซเชียล จึงทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จัก และเติบโตได้รวดเร็วกว่าที่คุณจะทำธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่รอลูกค้ามาหาคุณ

ช่องทางต่าง ๆ  ในการทำการตลาดบนโลกออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย

1.การสร้างเพจ เป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ ด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการของเรา ให้ผู้คนรู้จักบนโลกโซเชียล โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์นั้น ด้วยการโพสต์ภาพผลิตภัณฑ์ การรีวิวจากผู้ใช้จริง การเขียนข้อความเชิญชวน ดึงดูดให้ผู้คนสนใจและติดตาม หรือจะเสียเงินโฆษณาเพจ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้พบเห็นเพจของเรา ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณได้

2.การลงโฆษณายูทูป เป็นการลงทุนสร้างรายได้ทางโซเชียลอีกหนึ่งช่องทาง เพราะผู้คนส่วนใหญ่ชอบดูคลิปวีดีโอต่าง ๆ ทางยูทูปกันมาก จะช่วยให้ผู้คนเห็นผลิตภัณฑ์และบริการของคุณมากขึ้น จึงเพิ่มยอดขายและฐานลูกค้าของคุณแบบไร้ขีดจำกัดได้

3.การสมัคร Google My Business เป็นการสมัครและลงทะเบียนธุรกิจของเรา กับทาง Google โดยไม่ต้องลงทุนซักบาท แต่สามารถทำให้ธุรกิจของเรา ค้นหาเจอได้ในหน้า Google  ช่องทางนี้เป็นการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ที่ดีกว่าช่องทางอื่นตรงที่มันฟรี ไม่เสียเงิน แต่สามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของเราได้ดี

4.การเขียนบทความ SEO เป็นการเขียนบทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ ที่ให้สาระความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ  ที่คนอ่านสนุก คล้อยตาม ไม่น่าเบื่อ และจำเจ โดยอาจแทรกคีเวิร์ดให้ผู้คนค้นหาคุณได้ง่ายขึ้น และช่วยให้แบรนด์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ของกูเกิล ซึ่งจะเพิ่มยอดขายได้อย่างดีทีเดียว

5.อินสตราแกรม เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สร้างรายได้ด้วยการโพสต์ภาพผลิตภัณฑ์และบริการของเรา ดึงดูดเพื่อน ๆ ให้มาสนใจและสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ของคุณ เพราะผู้ใช้อินสตราแกรมก็มีจำนวนมากไม่แพ้กับช่องทางโซเชียลอื่น ๆ

  1. 6. Line official Account เป็นอีกช่องทางหนึ่งของการทำการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมาก เนื่องจากเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ไลน์กันทั้งนั้น และข้อดีคือเราสามารถเพิ่มเพื่อนได้โดยไม่มีขีดจำกัด ส่วนมากจะเพิ่มเพื่อนด้วยการแจกสติ๊กเกอร์ไลน์ และทุกครั้งที่เราทำการโฆษณาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเรา มันก็จะไปปรากฏที่ไทม์ไลน์ ของเพื่อนและลูกค้าที่ติดตามแบรนด์ของเรา หรือจะคลิ๊กส่งข้อความให้กับเพื่อนทั้งหมดในไลน์ได้โดยตรง ซึ่งช่องทางนี้ก็สามารถเพิ่มฐานการตลาด และเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้อย่างดีเช่นกัน

และทั้งหมดนี้คือกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างฐานผู้บริโภคได้กว้างไกลทั่วโลก และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างไร้ขีดจำกัดเลยทีเดียว เพียงคุณเลือกช่องทางที่ถนัดและเหมาะสมเข้ากันกับธุรกิจของคุณ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อธุรกิจอย่างสูงสุด


เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง เติบโตในยุคปัจจุบัน มอบโอกาสให้คนที่มีต้นทุนชีวิตต่ำ พลิกชีวิตให้เป็นเศรษฐีได้จริงหรือ

การค้าแบบเดิม ๆ ที่เราเห็นกันในอดีต ก็จะเป็นรูปแบบของการที่บริษัทได้ผลิตและจำหน่ายสินค้าให้กับพ่อค้าคนกลาง เพื่อส่งต่อให้กับผู้บริโภค โดยที่บริษัทนั้นต้องทำการโฆษณา เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และดึงดูดให้ผู้คนอยากลองใช้สินค้านั้น โดยมีการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ โดยจ่ายค่าพรีเซ็นต์เตอร์ให้กับดารานักร้อง และค่าการตลาดต่าง ๆ โดยบวกค่าใช้จ่ายเหล่านั้นไปในสินค้า กว่าจะมาถึงผู้บริโภค สินค้าจากต้นทุน 30 บาทก็จะกลายเป็นราคา 100 บาท สู่ผู้บริโภคทันที และนี่คือการตลาดแบบเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี ว่าจะต้องมีการซื้อขายผ่านพ่อค้าคนกลางและมีการทำการตลาดทางสื่อและโฆษณา เพราะสื่อและโฆษณานั้น มีอิทธิพลต่อการค้าในยุคเก่าก่อนมาก คนส่วนใหญ่มักจะตามกระแสซื้อสินค้าตามนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งการทำการค้าในยุคนั้นก็ยังคงทำยอดขายได้อย่างดีทีเดียว และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ทันสมัย การทำโฆษณาในรูปแบบออนไลน์เกิดขึ้น  การส่งสินค้าที่สะดวกรวดเร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ดีที่สุด อย่างเช่น เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง การตลาดรูปแบบใหม่ที่กำลังเติบโตในยุคปัจจุบันนี้

เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง มอบโอกาส สร้างรายได้อย่างไร

ในสมัยก่อนเราซื้อของตามห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ในราคาตามที่เค้ากำหนด ถึงแม้สินค้านั้นจะดีแค่ไหน ทำให้เราเกิดการซื้อซ้ำ หรือบอกต่อถึงสรรพคุณเชิญชวนให้เพื่อนมาซื้อ เราก็จะไม่ได้รายได้จากการซื้อซ้ำหรือการแนะนำเพื่อน ๆ ของเรากลับมา ถึงแม้เราจะพยายามทำหน้าที่พรีเซนเตอร์อยู่โดยไม่รู้ตัวก็ตาม เพราะบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ ได้จ่ายค่าพรีเซนต์เตอร์ไปให้กับดารานักแสดงและสื่อต่าง ๆ ที่ค่อนข้างสูงแล้ว ในทางกลับกัน เน็ตเวิร์กมาร์เก็ตติ้ง คือการตลาดรูปแบบใหม่ ที่ให้ตัวเราเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้า โดยการใช้ดีแล้วบอกต่อแนะนำเพื่อนให้มาซื้อ เพื่อนใช้ดีบอกต่อไปแนะนำเพื่อนของเพื่อน บอกต่อแนะนำกันไปเช่นนี้เรื่อย ๆ จนเกิดเป็นเครือข่ายผู้บริโภคของเรา บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้านั้น นำค่าโฆษณาที่ไม่ต้องไปจ่ายให้ดารานักแสดง แต่กลับมาจ่ายให้เราแทนเป็นจำนวน 40-50% ของสินค้านั้น มันจึงเกิดการสร้างรายได้ให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งแน่นอนบริษัทผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้จำเป็นต้องผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และหลากหลาย ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดการใช้ดีบอกต่อและกลับมาซื้อซ้ำ สร้างรายได้ให้กับทุกคนที่ทำหน้าที่พรีเซ็นต์เตอร์ให้กับบริษัทเหล่านี้ ที่สำคัญมันลงทุนน้อยมากแค่หลักร้อย สำหรับคนที่มีต้นทุนชีวิตต่ำ แต่มันสามารถสร้างรายได้หลักหมื่นหลักแสนหรือมากกว่านั้น และเป็น passive income ได้ คือหยุดทำได้ รายได้ไม่หยุดนั่นเอง

และนี่ก็คือการตลาดรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง ที่ตอบโจทย์คนที่มีต้นทุนชีวิตต่ำ แต่ต้องการสร้างรายได้หลักแสนให้ตัวเองกลายเป็นเศรษฐี ได้แค่เพียงเปลี่ยนที่จ่ายย้ายที่ซื้อ มาซื้อกับบริษัทที่เราต้องการทำการตลาดให้ โดยเราใช้ดีบอกต่อทำหน้าที่พรีเซนเตอร์ไปในตัวนั่นเอง


การค้าขายกับต่างชาตินั้น ส่งผลดีต่อประเทศชาติอย่างไร แล้วมีผลเสียกระทบตามมาหรือไม่ วันนี้เราจะไปไขคำตอบกัน

ในยุคปัจจุบันนี้จะเห็นว่าสินค้าต่างประเทศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในประเทศไทย คนไทยบางกลุ่มที่มีฐานะหน่อยก็จะใช้ของแบรนด์เนมต่างประเทศกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ ซึ่งรวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ต้องนำเข้ามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย เนื่องจากคนไทยผลิตเองไม่ได้ ซึ่งก็ส่งผลดีต่อการดำเนินชีวิตของคนไทย ให้ได้ใช้สินค้าที่มีความทันสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองได้ ถึงแม้สินค้าต่างประเทศจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่มีฐานะนั่นเอง เพราะคนไทยมักดำเนินชีวิตไปตามสังคมนิยม ตามเทรนด์แฟชั่น รับวัฒนธรรมต่าง ๆ ของต่างชาติเข้ามา ในขณะเดียวกันสินค้าในเมืองไทยก็ได้ถูกส่งไปจำหน่ายในต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะแฮนด์เมค งานสถาปัต รวมถึงพืชผักผลไม้ต่าง ๆ เช่น ทุเรียน ก็ได้ถูกส่งออกและเป็นที่ต้องการของต่างชาติ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ รวมถึงทรัพยากรที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ จึงทำให้แต่ละประเทศมีสินค้าที่หลากหลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง การเปิดการค้าเสรีระหว่างประเทศ จึงส่งผลดีกับทุกฝ่ายให้ได้มีสินค้าที่หลากหลาย และมีความทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภคนั่นเอง

ผลดีของการทำการค้าระหว่างประเทศ

สินค้าในประเทศที่มีจำนวนมากพอกับการจำหน่ายในประเทศ เราก็จะทำการส่งออกไปจำหน่ายนอกประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติ ในขณะเดียวกัน เราก็รับสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ใช้สินค้าที่หลากหลายและมีความทันสมัย ที่ประเทศไทยผลิตเองไม่ได้ หรือผลิตยังไม่มีคุณภาพเทียบเท่าต่างชาตินั่นเอง ทั้งนี้เป็นการสร้างสัมพันธ์ไมตรีระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้น และทำธุรกิจอื่น ๆ ร่วมกันได้อีก ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยื่นมือมาดูแลไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบหรือฉ้อโกงกันได้ จึงทำให้การทำการค้าระหว่างประเทศนั้น ส่งผลดีต่อประเทศชาตินั่นเอง

ผลเสียกระทบต่อการค้าขายกับต่างชาติ

กรณีนี้จะเกิดขึ้นกับค่านิยมของคนไทยที่เห่อแบรนด์ดังต่างประเทศหรือทำตาม ๆ กันจนเป็นสังคมนิยม ทั้ง ๆ ที่สินค้าบางตัวในประเทศไทยก็สามารถผลิตได้มีคุณภาพเทียบเท่าต่างชาติ แต่คนไทยก็ยังไม่นิยมใช้ เนื่องจากมันราคาถูก และไม่เท่ห์ แบรนด์ไม่ดัง ไม่ตามเทรนด์ จึงส่งผลกระทบให้สินค้าดังกล่าวนั้นไม่มียอดขายที่ดีเท่าที่ควร ทำให้ขาดสมดุลทางการค้า เงินไหลออกประเทศมากกว่าที่จะรับเข้ามา ซึ่งแนวทางแก้ไขปัญหานี้ก็คือการปรับรสนิยมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยคำนึงถึงประโยชน์ ความคุ้มค่าในคุณภาพและราคาเป็นสำคัญ

และทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเห็นว่า การทำการค้าระหว่างประเทศนั้นส่งทั้งผลดีและมีผลกระทบบ้างต่อสินค้าคนไทย ที่คนไทยเองไม่มั่นใจจะใช้มัน ดังนั้นในฐานะเราคนไทย ควรช่วยกันปรับพฤติกรรม ช่วยอุดหนุนสินค้าคนไทยที่มีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่าต่างชาติ และเลือกใช้สินค้าต่างประเทศเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เท่านี้ก็จะทำให้ประเทศของเราไม่เสียดุลการค้า และมีเงินสะพัดหมุนเวียนในประเทศเป็นไปอย่างคล่องตัว


วงการบันเทิงในบ้านเรา มีอิทธิพลต่อคนในประเทศอย่างไร

อย่างที่รู้กันดีว่า คนไทยส่วนใหญ่ชอบดูหนังดูละคร ดูรายการบันเทิงด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลก เกมโชว์ หรือ ข่าวบันเทิง โดยเฉพาะดาราคนไหนรักกับคนไหน เลิกกับคนไหน ทำอะไรกับใคร ทั้งดีไม่ดีก็มักจะเป็นที่จับตามองของสังคมเสมอ เพราะถือว่าเป็นคนของประชาชน ดังนั้นคนในวงการบันเทิงจึงจำเป็นต้องวางตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน และคนในประเทศ เหตุนี้เองจึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า วงการบันเทิงนั้นมีอิทธิพลต่อคนไทยในประเทศเกือบร้อยเปอร์เซนต์เลยทีเดียว ซึ่งให้อะไรหลาย ๆ อย่างต่อคนในบ้านเราดังนี้

1.วงการบันเทิงสร้างความสุขความบันเทิงให้กับคนในประเทศ

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ต้องทำงานเคร่งเครียด เหนื่อย ๆ พอได้พักผ่อนดูรายการบันเทิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ละคร กีฬา ตลก หรือซีรี่ส์ ก็ล้วนสร้างความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กับคนดูได้

2.วงการบันเทิงให้สาระความรู้ แนวทางการดำเนินชีวิต

นอกจากด้านบันเทิงต่าง ๆ วงการบันเทิงยังมีรายการข่าวสาร สาระ ความรู้ต่าง ๆ แบบอย่างเคล็ดลับการใช้ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากมาย มานำเสนอให้กับผู้ชมเกิดแนวคิดใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

3.วงการบันเทิงได้เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาแสดงความสามารถและได้รับโอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้น

จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้วงการบันเทิงเปิดกว้างขึ้นอย่างเสรี โดยการมีเวทีหรือรายการประกวดต่าง ๆ ให้คนทั่วไปได้เข้ามาแสดงความสามารถของตัวเอง เช่นการเต้น การแสดง การร้องเพลง เป็นต้น ซึ่งทำให้หลายคนเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจากยากจนให้ร่ำรวยได้รับโอกาสทางสังคมที่ดีขึ้น

4.คนในวงการบันเทิง เป็นแบบอย่างปลุกระดมทุนช่วยเหลือองค์กรของส่วนรวมต่าง ๆ

นักร้องนักแสดงส่วนใหญ่ลุกขึ้นมาทำประโยชน์เพื่อสังคม ปลุกระดมเงินทุนจากประชาชนในประเทศในการช่วยเหลือองค์กรส่วนรวมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล มูลนิธิคนพิการและเด็กกำพร้า มูลนิธิช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นต้น

5.วงการบันเทิงสร้างรายได้ให้กับประเทศ

แน่นอนภาษีส่วนใหญ่ในประเทศ มาจากรายการบันเทิงต่าง ๆ นักร้อง นักแสดง ช่องต่าง ๆ ล้วนต้องเสียภาษีให้กับรัฐในการพัฒนาประเทศ

6.วงการบันเทิงสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นกับคนในประเทศ

เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ติดตามสื่อและรายการข่าวสารด้านต่าง ๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ ดังนั้นสื่อต่าง ๆ ในวงการบันเทิง สามารถสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจตรงกันได้ในเรื่องของการเชิญชวน ปลุกระดมให้ประชาชนชาวไทยรักใคร่ปรองดองและสามัคคีกันได้ โดยมีพระมหากษัตริย์ ชาติ ศาสนา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

7.วงการบันเทิงสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

จะเห็นว่าดารานักแสดงส่วนใหญ่ล้วนมากมายด้วยความสามารถ ไปโกอินเตอร์สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับประเทศมากมาย ไม่ว่าจะไปเล่นหนัง เดินแบบแฟชั่นโชว์ หรือเป็นพรีเซนเตอร์ก็ตาม นั่นหมายถึงวงการและนักร้องนักแสดงไทยได้รับการยอมรับจากประเทศต่าง ๆ ในโลก

อย่างไรก็ตามวงการบันเทิงก็ยังเป็นดาบสองคมอยู่ดี หากเยาวชนไปเลียนแบบบุคคลบางคนในวงการที่ทำตัวไม่ดี รวมถึงคนทั่วไปก็ควรแบ่งเวลาให้กับการบันเทิงหลังจากที่ต้องการพักผ่อน ผ่อนคลายไม่ให้กระทบถึงงานและความรับผิดชอบของตัวเอง


ใช้ชีวิตตามเข็มนาฬิกาสัมพันธ์กับอาหารการกิน จะทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และอายุยืนยาวได้

เมื่อพูดถึงเรื่องสุขภาพ หลาย ๆ คนก็มักจะให้ความสำคัญ เพราะใคร ๆ ก็อยากมีสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น คุณเชื่อหรือไม่ว่า เราทุกคนสามารถมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีอายุที่ยืนยาวขึ้นได้ หากได้ปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินชีวิตตามเข็มนาฬิกาชีวิตที่สัมพันธ์กับอาหารการกิน โดยอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา นักธรรมชาติบำบัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองไทยจนถึงระดับโลก ซึ่งท่านได้ให้วิถีการดำเนินชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งนอนหลับ ที่สอดคล้องกับกลไกการทำงานในระบบต่าง ๆ ของร่างกายคนเราเป็นอย่างดี

ดำเนินชีวิตตามเข็มนาฬิกา

3.005.00น. เราควรตื่นนอนขึ้นมาเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ จะช่วยให้ปอดแข็งแรง และควรดื่มน้ำให้สดชื่นในตอนเช้า

5.007.00น. เราควรขับถ่ายเพื่อให้ลำไส้ใหญ่สะอาดและทำงานเป็นปกติ

7.009.00น. เราควรทานอาหารเช้า เพื่อให้กระเพราะอาหารทำงานได้เป็นปกติ และช่วงนี้ร่างกายต้องการนำสารอาหารไปบำรุงเลี้ยงดูส่วนต่าง ๆ จึงไม่ควรอดอาหารเช้าเด็ดขาด ถ้าเร่งรีบจริง ๆ อย่างน้อยก็ควรทาน กล้วยน้ำว้ากับโยเกิร์ต

9.0011.00น. ควรทานน้อย พูดน้อย และไม่ควรนอนหลับ เพราะจะทำให้ม้ามชื้น ไม่แข็งแรง และอ้วนง่าย ซึ่งช่วงนี้เราอาจทานขมิ้นชัน หรือมันเทศสีม่วง ซึ่งจะช่วยบำรุงม้ามให้แข็งแรงได้

11.0013.00น. ควรทำจิตใจให้แจ่มใส เบิกบาน ไม่เครียด หลีกเลี่ยงความร้อน และทานผลไม้เพื่อบำรุงหัวใจ งดเว้นของหมักดอง

13.0015.00น. ควรงดทานอาหารและน้ำ เพราะเป็นช่วงที่ลำไส้เล็กต้องการพัก จะทำให้ไม่มีโรคแทรกซ้อนหรือป่วยง่าย

15.0017.00น. ควรสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย หรือให้เหงื่ออก ด้วยการออกกำลังกาย หรืออบซาวน่า

17.0019.00น. ควรทำร่างกายให้สดชื่นกระปรี้กระเป่า ไม่ง่วงนอน

19.0021.00น. ควรทำจิตใจให้สงบด้วยการทำสมาธิหรือสวดมนต์

21.0023.00น. ไม่ควรอาบน้ำหรือตากแอร์ในช่วงเวลานี้ ควรทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ

23.001.00น. ก่อนเข้านอนควรดื่มน้ำอย่างน้อย1-2 แก้ว เพื่อบำรุงถุงน้ำดี และไม่ทำให้เลือดข้น

1.003.00น. เป็นช่วงที่ร่างกายควรพักผ่อนและนอนหลับให้สนิท เพื่อให้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้พัก และส่งผลโดยตรงให้ตับแข็งแรง ทำให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่มีโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย

ซึ่งสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาสุขภาพและต้องการเริ่มต้นการดูแลสุขภาพ ก็ควรปรับเรื่องของเวลาให้เป็นไปตามนาฬิกาชีวิต รวมถึง การเริ่มทานอาหารสูตรล้างลำไส้และระบบดูดซึมต่าง ๆ เช่นน้ำมะละกอดิบกับชาจีน เพื่อให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันควรทานอบเชยต้มกินแทนน้ำหรืออาจเป็นแบบแคปซูล ควบคู่กับการทานอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน และทานขมิ้นชันเพื่อบำรุงกระเพาะอาหารและม้ามให้แข็งแรง รวมถึงน้ำกระชายเหลือง ที่ช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิงเพศชายให้สมดุล ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย เท่านี้ก็จะทำให้คุณมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนยาวอย่างแน่นอน